ภูดอยมีอันใด?
"ภูดอยมีอันใดเล่า
มากเมฆขาวพราวเหนือสัน
เสพชื่นด้วยตนเท่านั้น
หยิบถวายท่านมิได้เลย"
ต้องขอโทษอีกครั้งนะคะ ที่หาแหล่งที่มาเป๊ะๆ ไม่ได้อีกแล้ว ด้วยว่าบทกวีทั้งมวลมักจะอยู่ในความทรงจำ และไม่ได้เก็บไว้ในระบบอ้างอิงที่ดี ทั้งที่วันนี้อุตส่าห์ได้นอนบ้าน หลังจากแม่แอบเราออกมาจากพร. (โชคดี..คุณหมอที่รักษาไม่อยู่ค่ะ) ไปทำบุญมาค่ะ ทั้งที่พะเยา วัดอนาลโย ไปหลายวัด แต่หลับๆตื่นๆ อันเกิดจากการกินยาแบบ"อัดเข้าไป"ทั้งยาปกติ ยาสมุนไพรที่คุณน้าจากกทม.ผู้แสนจะหวังดีเอามาฝาก และยาเกินปกติที่เกิดจากการตรากตรำ ตากน้ำค้าง ละอองฝน และน้ำมนต์มากเกินไป :) จนเจ็บคอ เป็นหวัด และเป็นไข้ตามมา ทำให้วันนี้โชคดีได้อยู่บ้านอีกคืน เพราะถ้าคุณแม่เอาไปส่งรพ.ทั้งเป็นไข้ หมอก็จะดุคุณแม่ อิอิ :P
กลับเข้าเรื่องให้ไว จะได้ไปนอน แบบไม่อาบน้ำ:)
บทกวีนี้เป็นคำตอบของท่านเล่าจื้อ (หรือไม่ก็จวงจื้อค่ะ แต่ใช่ใช่ขงจื้อชัวร์ๆ เพราะรายหลังเคร่งระเบียบวินัยเกินกว่าจะตอบอะไรเมฆๆ ลมๆแบบนี้) ต่อคำถามของฮ่องเต้ที่เสด็จมาตามท่านไปช่วยราชการค่ะ นึกภาพท่านปราช แต่งตัวเหมือนนักพรตไว้ผมขาว คิ้วขาว ผอมๆหน้าตาใจดีๆนะคะ (เออ นึกเหมือนพี่ป๊อบมีเคราได้ป่ะ ไม่ได้ ดิ ท่านพวกนี้จะหน้าอิ่มค่ะ หน้าตาผ่องใสเต่งตึง เอาหน้าพี่นุ่นดีไหม หรือพี่เกียร์?? ) กราบพันครั้งที่บังไม่ได้วาดภาพดิจิตอล และรูปภาพประกอบก็ไม่ได้ไปหามาเอง แหมก็ข้าพเจ้าป่วยออกปานนี้ ใจคอท่านจะให้ข้าพเจ้าปลีกตัวออกจากรถตู้หลังสูงเบาะนวดสุขสบายออกไปถ่ายรูปภูเขาเช่นนั้นฤา?
แต่ถึงไม่ได้ถ่ายรูป และไม่ได้พกน้อง pen eop1 ไปด้วย แต่ความประทับใจในภาพภูเขาเขียว กับเมฆขาวและความสงัดของบรรดาอารามน้อยใหญ่ในหลายๆแห่งที่ได้ไปก็ทำให้นึกถึงกวีบทนี้ค่ะ
เอ เล่าไปถึงไหนแล้่ว คือพอท่านเล่าจื้อ (เล่าจื้อไปก่อนเนาะ ถ้าค้นหนังสือจเอจะมายืนยันอีกที) ปลีกวิเวกไปอยู่ตามป่าเขา ฮ่องเต้ก็ออกตามหาค่ะพอพบท่านนั่งหน้าเหี่ยว เอ๊ย หน้าอิ่มบุญ คิ้วขาวยาวไสวๆเหมือนเมฆที่ลอยระอยู่บนยอดเขาสุงก็เพียรถามว่า "ภูดอยมีอันใด" ไม่เห็นมันจะมีอะไร..แสงสี อะไรก็ไม่มีกลับไปช่วยราชการ ช่วยข้าดูแลไพร่ฟ้าประชาชนดีกว่า ว่างั้นเถอะ
ท่านนักพรต ก็เลยลูบเคราๆท่าเเก๋ๆเหมือนเตียซำฮงในเรื่องดาบมังกหยก แล้วมองไปรอบๆพร้อมกับตอบว่า
"ภูดอยมีอันใดเล่า
มากเมฆขาวพราวเหนือสันเสพชื่นด้วยตนเท่านั้น
หยิบถวายท่านมิได้เลย"
เฮ้อเขียนเสร้จก็ขอสูดลมหายใจลึกๆ นึกถึงภาพที่เคยเห็น ความสงบที่ได้รับ อากาศที่ยังวนเวียนอยุ่ในสายเลือด... แล้วก็ขอเอามาฝากแต่รูป(ที่ไม่ได้ถ่ายเอง) และคำชวนที่เบื่อแล้วนะว่า ให้มาเที่ยวเส้นทางต่อเหนื่องระหว่าง เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา เส้นทางบุญที่เรียงรายไปด้วยผู้คนใจดี วัฒนธรรมดีงาม ไม่ใหม่ผลิใบรับฝน และสายเมฆลอยต่ำเคล้ากันกับสายฝนที่โปรยละออง ถ้าเจินไม่อยู่ไม่มีใครชวนนะ
สุดท้ายจริงๆ ไปคราวนี้เอามาฝากได้แต่บุญ ที่หวังว่าคงไม่ขาดตกบกพร่อง ถวายเทียนไปหลายวัด ทำอะไรไปหลายอย่าง สร้างเจ้าแม่กวนอิมกันก็เกือบเสร็จแล้วค่ะ หวังว่าชีวิตพวกเราคนไทย จะรุ่งเรืองสว่างไสว โดยไม่ต้องเผาไหม้ใครให้ตายไปเพราะแสงสว่างของเรา เนาะ :)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น