สวรรค์ในนิรมิตของทวยเทพ นรกในอำนาจของมนุษย์
"เทพบีรัลของชนเผ่าอะบอริจินไม่เพียงทรงสร้างโลกขึ้นมาเท่านั้น ยังทรงปรารถนาให้โลกนั้นงดงามอีกด้วย พระองค์จึงทรงส่งเทวทูตที่ไว้วางพระทัยสององค์ อันได้แก่ เทพยินดีนจีและเทพีคิการีซึ่งเป็นผู้ช่วย ไปเปลี่ยนสสารพื้นฐานของโลกให้กลายเป็นสรวงสวรรค์ เทพทั้งสองทรงทำงานที่ได้รับมอบหมายสำเร็จลุล่วงอย่างงดงามไม่มีที่ติ ถึงขนาดเทพีคิการียังทรงปรารถนาที่จะพำนักอยู่ในดินแดนอัศจรรย์นี้ไปตลอดกาล พระนางทรงทอดพระวรกายลงในท้องน้ำอันอบอุ่นของอ่าวที่งดงามแห่งหนึ่งและทรงเข้าสู่นิทรารมณ์ ณ ที่แห่งนั้นเอง"*
ตอนนี้เทพีคิการีคงกำลังร้องไห้เป็นสายฝน สะอึกสะอื้นเป็นสายฟ้า เพราะสสารพื้นฐานของโลกถูกมนุษย์เปลี่ยนไป...เป็นอะไรที่ใครก็ไม่กล้ายืนยัน แต่ที่สวรรค์คงเรียกมันว่านรก
ไม่แน่ พระนางอาจอดรนทนไม่ได้ อาละวาดจนกลายเป็นมรสุม ดิ้นรนทะยานขึ้นฟ้า ด้วยปรารถนาจะกลับสู่สรวงสวรรค์ และไม่หวนคืนมาสู่โลกที่มนุษย์เข่นฆ่ากันเอง แม้ในชนเผ่าเดียวกัน ทำลายและขาดความเคารพในธรรมชาติอันยังคงความเป็นสารของสวรรค์เหมือนดังเดิม อหังการ์จนกล้าเปลี่ยนแปลงและสรรค์สร้าง สสารและสายพันธ์ชีวิตขึ้นใหม่ โดยไม่ถามถึงผลในวันหน้า และบอกเหตุกับสวรรค์ มืดบอดจนมองเห็นความเกลียดก่อนความรัก ปรารถนาที่จะก่นด่าและชิงชังมากกว่าสร้างสรรค์และชื่นชม
กระนั้น เมื่อพายุสงบ ฝนหยุด พระนางก็ไม่ลืมความรักครั้งแรกที่ทรงมีให้ต่อแผ่นดินผืนฟ้าแห่งนี้ รอยยิ้มแรก เมื่อทรงเห็นมนุษย์ตัวน้อยๆค่อยหัดเดินล้มลุกคลุกคลาน สร้างบ้าน เก็บผลไม้ ปลูกผัก ล่าสัตว์ ปกครองกันและกัน พระนางคงจะทรงยิ้มออกมาเป็นสายรุ้ง สะบัดพระเกษาเป็นแสงตะวัน ปลอบประโลมผู้คนที่ถูกฝนจนหนาวเหน็บ ให้อภัยโลกและมนุษย์เป็นครั้งที่ร้อยล้าน แล้วเอนพระวรกายลงพักผ่อนอีกครั้ง เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเลวร้ายเคยเกิดขึ้น
แต่ถ้าให้ฉันเดานะ โลกที่กำลังค่อยๆกลายเป็นนรก น่าจะทำให้พลังของเทพอ่อนล้า พระนางอาจจะป่วยแล้วโดยไม่รู้ตัว นั่นไง พระนางทรงกระแอมไอและไข้ขึ้นสูง
เราจะทำอย่างไรดีกับเทพีที่เป็นไข้หวัด 2010?
* เรื่อง รอฟฟ์ สมิท จาก NATIONAL GEOGRAPHIC, 10 กันยายน 2553
ตอนนี้เทพีคิการีคงกำลังร้องไห้เป็นสายฝน สะอึกสะอื้นเป็นสายฟ้า เพราะสสารพื้นฐานของโลกถูกมนุษย์เปลี่ยนไป...เป็นอะไรที่ใครก็ไม่กล้ายืนยัน แต่ที่สวรรค์คงเรียกมันว่านรก
ไม่แน่ พระนางอาจอดรนทนไม่ได้ อาละวาดจนกลายเป็นมรสุม ดิ้นรนทะยานขึ้นฟ้า ด้วยปรารถนาจะกลับสู่สรวงสวรรค์ และไม่หวนคืนมาสู่โลกที่มนุษย์เข่นฆ่ากันเอง แม้ในชนเผ่าเดียวกัน ทำลายและขาดความเคารพในธรรมชาติอันยังคงความเป็นสารของสวรรค์เหมือนดังเดิม อหังการ์จนกล้าเปลี่ยนแปลงและสรรค์สร้าง สสารและสายพันธ์ชีวิตขึ้นใหม่ โดยไม่ถามถึงผลในวันหน้า และบอกเหตุกับสวรรค์ มืดบอดจนมองเห็นความเกลียดก่อนความรัก ปรารถนาที่จะก่นด่าและชิงชังมากกว่าสร้างสรรค์และชื่นชม
กระนั้น เมื่อพายุสงบ ฝนหยุด พระนางก็ไม่ลืมความรักครั้งแรกที่ทรงมีให้ต่อแผ่นดินผืนฟ้าแห่งนี้ รอยยิ้มแรก เมื่อทรงเห็นมนุษย์ตัวน้อยๆค่อยหัดเดินล้มลุกคลุกคลาน สร้างบ้าน เก็บผลไม้ ปลูกผัก ล่าสัตว์ ปกครองกันและกัน พระนางคงจะทรงยิ้มออกมาเป็นสายรุ้ง สะบัดพระเกษาเป็นแสงตะวัน ปลอบประโลมผู้คนที่ถูกฝนจนหนาวเหน็บ ให้อภัยโลกและมนุษย์เป็นครั้งที่ร้อยล้าน แล้วเอนพระวรกายลงพักผ่อนอีกครั้ง เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเลวร้ายเคยเกิดขึ้น
แต่ถ้าให้ฉันเดานะ โลกที่กำลังค่อยๆกลายเป็นนรก น่าจะทำให้พลังของเทพอ่อนล้า พระนางอาจจะป่วยแล้วโดยไม่รู้ตัว นั่นไง พระนางทรงกระแอมไอและไข้ขึ้นสูง
เราจะทำอย่างไรดีกับเทพีที่เป็นไข้หวัด 2010?
* เรื่อง รอฟฟ์ สมิท จาก NATIONAL GEOGRAPHIC, 10 กันยายน 2553
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น