ใครจะลืมรักลง น้องคงหลงมนต์กวี...
ขอวิจารณ์งานตัวเองแบบเบาๆก่อนที่จะมีคนอื่นยกมาเทียบก็แล้วกันนะคะ
จาก ดึกคืนนี้ มาเป็น เพลงพระจันทร์
"โอ้ ดึกดื่นเดือนคล้อย ดาวลอยพร้อยพร่างเวหา
เหม่อมองดินดูฟ้า แลหา แลหายไร้เงา"
บทนี้ชอบที่สุดค่ะ เห็นภาพดอยลอยไปไหมคะ?
ขนบการใช้เสียงคล้องเคลื่อนเลื่อนไปด้วยกันแบบนี้เชยมากแล้วค่ะ แต่เป็นเพลงแบบที่เจินชอบมาก ดังนั้นเพลงของเจินก็เลยออกมาอารมณ์เดียวกัน ไม่เชื่อไปหามาฟังดู
ในเพลงพระจันทร์จะมีบางช่วงที่เนียนแบบนี้
"เห็นเดือนเคลื่อนคล้อย ดาวน้อยกระพริบริบหรี่
แม้นานกี่ปี ยังเหม่อละเมอคอยหา"
(วรรคที่สามนักดนตรีแต่งให้ เป็นเชิงว่าขอมีอะไรธรรมดาๆไปขัดตาทัพบ้าง )
แต่ค่อนข้างแน่ใจว่าไม่ได้เลียนแบบนะคะ :)
ถึงแม้ว่า ณ ขณะที่ เขียนบทความนี้ จะเพิ่งสังเกตได้ว่าสองบทนี้พูดเรื่องเดียวกันเลย แต่เราขี้ใจน้อยกว่ามากค่ะ เดี๋ยวอ่านกันต่อ
"นับดาว คอยเจ้าจนดาวหมดฟ้า
น้ำค้างหยดเป้นน้ำตา หนาวลมพัดมาบาดใจ"
นับแต่วรรคนั้นมานักดนตรีไม่กล้าขัดใจ เพราะใจน้อย และขี้ประชดประชัดแบบงอนๆนะนั่น จะคอยกันจนดาวหมดฟ้าเลยเหรอ? 55555555
จำได้ว่าร้องเพลงนี้ ดึกคืนนี้" ให้คนแต่งทำนองฟังก่อน ก็เลยได้ทำนองไทยๆ(เพนทาโทนิก)แบบที่เค้าบอกว่า' เชยน้อยที่สุด' มาให้แต่งค่ะ ตอนแรกแต่งออกมาเก่ามาก เพื่อนให้ปรับเป็นสมัยใหม่หน่อย แต่พี่จิก (ประภาส ชลศรานนท์) คนสอนเราแต่ง บอกว่าไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว แต่งให้หวานหยดเป็นขนบกลอนกันไปเลยก็แล้วกัน :) เหนื่อยค่ะ แต่ก็สนุก เขียนเพลง แต่งกลอน เขียนหนังสือ อ่านหนังสือ ทำอะไรที่ไม่ได้ตังค์นี่สนุกจังเลย :P
ต่อนะคะ
จากเพลงเก่า
"โอ้ ดึกดื่นคืนคล้ำ ลำนำรักร่ำรำพัน
พี่ว่าตรอมตรมนั้น เพราะรักมันลืมพี่
ใครจะลืมรักลง น้องคงหลงมนต์กวี
ยังเฝ้ารักศักดิ์ศรี เพลงโสภี ดนตรีเพริศพราว"
ตรงนี้เราว่าเค้าค่อนข้างจะเป็น story telling แล้ว คือเค้าจะตอบที่ผู้ชายร้องมาก่อน (ไว้เอา link มาให้ค่ะ คืนนี้ดึกและเหนื่อย) วรรคทองในใจเราก็คือ "ใครจะลืมรักลง น้องคงหลงมนต์กวี " ทั้งที่ไม่เคยหลงมนต์ทกวีคนไหนหรอก แต่ประโยคมันมีเสน่ห์ค่ะ
วันนี้พักแค่นี้ก่อนนะคะ เดี่ยวเขียนหนังสือไม่เป็นตัว
จาก ดึกคืนนี้ มาเป็น เพลงพระจันทร์
"โอ้ ดึกดื่นเดือนคล้อย ดาวลอยพร้อยพร่างเวหา
เหม่อมองดินดูฟ้า แลหา แลหายไร้เงา"
บทนี้ชอบที่สุดค่ะ เห็นภาพดอยลอยไปไหมคะ?
ขนบการใช้เสียงคล้องเคลื่อนเลื่อนไปด้วยกันแบบนี้เชยมากแล้วค่ะ แต่เป็นเพลงแบบที่เจินชอบมาก ดังนั้นเพลงของเจินก็เลยออกมาอารมณ์เดียวกัน ไม่เชื่อไปหามาฟังดู
ในเพลงพระจันทร์จะมีบางช่วงที่เนียนแบบนี้
"เห็นเดือนเคลื่อนคล้อย ดาวน้อยกระพริบริบหรี่
แม้นานกี่ปี ยังเหม่อละเมอคอยหา"
(วรรคที่สามนักดนตรีแต่งให้ เป็นเชิงว่าขอมีอะไรธรรมดาๆไปขัดตาทัพบ้าง )
แต่ค่อนข้างแน่ใจว่าไม่ได้เลียนแบบนะคะ :)
ถึงแม้ว่า ณ ขณะที่ เขียนบทความนี้ จะเพิ่งสังเกตได้ว่าสองบทนี้พูดเรื่องเดียวกันเลย แต่เราขี้ใจน้อยกว่ามากค่ะ เดี๋ยวอ่านกันต่อ
"นับดาว คอยเจ้าจนดาวหมดฟ้า
น้ำค้างหยดเป้นน้ำตา หนาวลมพัดมาบาดใจ"
นับแต่วรรคนั้นมานักดนตรีไม่กล้าขัดใจ เพราะใจน้อย และขี้ประชดประชัดแบบงอนๆนะนั่น จะคอยกันจนดาวหมดฟ้าเลยเหรอ? 55555555
จำได้ว่าร้องเพลงนี้ ดึกคืนนี้" ให้คนแต่งทำนองฟังก่อน ก็เลยได้ทำนองไทยๆ(เพนทาโทนิก)แบบที่เค้าบอกว่า' เชยน้อยที่สุด' มาให้แต่งค่ะ ตอนแรกแต่งออกมาเก่ามาก เพื่อนให้ปรับเป็นสมัยใหม่หน่อย แต่พี่จิก (ประภาส ชลศรานนท์) คนสอนเราแต่ง บอกว่าไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว แต่งให้หวานหยดเป็นขนบกลอนกันไปเลยก็แล้วกัน :) เหนื่อยค่ะ แต่ก็สนุก เขียนเพลง แต่งกลอน เขียนหนังสือ อ่านหนังสือ ทำอะไรที่ไม่ได้ตังค์นี่สนุกจังเลย :P
ต่อนะคะ
จากเพลงเก่า
"โอ้ ดึกดื่นคืนคล้ำ ลำนำรักร่ำรำพัน
พี่ว่าตรอมตรมนั้น เพราะรักมันลืมพี่
ใครจะลืมรักลง น้องคงหลงมนต์กวี
ยังเฝ้ารักศักดิ์ศรี เพลงโสภี ดนตรีเพริศพราว"
ตรงนี้เราว่าเค้าค่อนข้างจะเป็น story telling แล้ว คือเค้าจะตอบที่ผู้ชายร้องมาก่อน (ไว้เอา link มาให้ค่ะ คืนนี้ดึกและเหนื่อย) วรรคทองในใจเราก็คือ "ใครจะลืมรักลง น้องคงหลงมนต์กวี " ทั้งที่ไม่เคยหลงมนต์ทกวีคนไหนหรอก แต่ประโยคมันมีเสน่ห์ค่ะ
วันนี้พักแค่นี้ก่อนนะคะ เดี่ยวเขียนหนังสือไม่เป็นตัว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น